การเสียชีวิตอันดับต้นๆของผู้สูงอายุ
เสี่ยง “ปอดอักเสบ”(Pneumonia)
ในผู้สูงอายุอันตรายถึงชีวิต
โรคปอดอักเสบเป็นสาเหตุ…❓
การเสียชีวิตอันดับต้นๆของผู้สูงอายุ
รู้ทันอาการ “ปอดอักเสบ”

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก samitivejchinatown.com
- โรคปอดอักเสบในผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่มักเกิดหลังจากป่วยเป็นไข้หวัด หากพบว่าผู้สูงอายุมีไข้สูง อ่อนเพลีย ไอ มีเสมหะร่วมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน หายใจลำบาก เจ็บแน่นหน้าอก โดยเฉพาะเมื่อเริ่มมีอาการสับสนหรือซึมลง ทั้งๆ ที่ไข้ลด ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน เนื่องจากอาจมีการติดเชื้อในปอด หากไม่รีบรักษาอาจทำให้เสียชีวิตได้
- การฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัสในผู้สูงอายุ สามารถครอบคลุมสายพันธุ์ของเชื้อที่ก่อโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสรุนแรงในประเทศไทยได้ถึง 70-78 %
ภาวะปอดติดเชื้อหรือปอดอักเสบ เป็นอีกภัยใกล้ตัวที่มักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนฤดู โรคปอดอักเสบหรือปอดติดเชื้อนี้ เป็นโรคติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียผ่านระบบทางเดินหายใจ มักเรียกง่ายๆ ว่า “โรคปอดบวม”
ระยะฟักตัวของโรคปอดอักเสบขึ้นอยู่กับเชื้อก่อโรค อาจใช้เวลา 1-3 วัน โดยผู้สูงอายุมักมีอาการเริ่มต้นคล้ายไข้หวัด ไข้สูง ไอ เจ็บคอ มีเสมหะ อาการอาจรุนแรงขึ้นเมื่อเริ่มเจ็บหน้าอก เหนื่อยหอบ หากเป็นนานกว่า 2-3 วัน โดยไข้ไม่ลด ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อทำการวินิจฉัยและทำการรักษา
ทั้งนี้จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เมื่อปีพ.ศ. 2561 พบว่ากลุ่มคนอายุ 65 ปีขึ้นไป ถือเป็นกลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยด้วยโรคปอดอักเสบมากที่สุด
สาเหตุของโรคปอดอักเสบในผู้สูงอายุ
โรคปอดอักเสบในผู้สูงอายุส่วนใหญ่เกิดจากการได้รับเชื้อผ่านระบบทางเดินหายใจ ทำให้ปอดเกิดการอักเสบ ส่งผลให้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนอากาศได้ตามปกติ มักพบเป็นอาการที่ต่อเนื่องมาจากโรคไข้หวัดใหญ่ การติดเชื้อปอดอักเสบสามารถพบได้ทุกช่วงอายุ โดยระดับความรุนแรงของโรคจะมีความแตกต่างกัน แต่ผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 65 ปี มักมีความต้านทานโรคต่ำ จึงมีความเสี่ยงของโรคถึงขั้นเสียชีวิตมากที่สุด
การรักษาโรคปอดอักเสบ
หากแพทย์วินิจฉัยว่าผู้ป่วยเป็นโรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย สามารถรักษาได้ด้วยยาฆ่าเชื้อทั้งแบบรับประทานและการฉีดยา ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน สำหรับปอดอักเสบที่ติดเชื้อไวรัสมักมีความรุนแรงน้อยกว่าการติดเชื้อแบคทีเรีย การรักษาจึงพิจารณาตามอาการ โดยแนะนำให้ผู้ป่วยดูแลตัวเองให้แข็งแรงด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และพักผ่อนให้เพียงพอ แต่หากผู้ป่วยมีโรคประจำตัว แพทย์อาจพิจารณาให้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลจนกว่าจะหายสนิท
โรคแทรกซ้อนจากปอดอักเสบในผู้สูงอายุ
สำหรับผู้ป่วยสูงอายุที่มีโรคประจำตัว อาจติดเชื้อที่รุนแรงมากกว่าคนทั่วไป ดังนั้นหากมีคนในครอบครัวเป็นไข้หวัดใหญ่ ควรแยกผู้สูงอายุไม่ให้เข้าใกล้ผู้ป่วย เนื่องจากอาจติดเชื้อไวรัสจนเป็นโรคปอดอักเสบได้
ส่วนผู้สูงอายุที่มีภูมิต้านทานต่ำจากความเสื่อมสภาพทั่วไปของร่างกาย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไตวาย หัวใจ ไขมันพอกตับ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนจากปอดอักเสบ เช่น ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว หรือที่อันตรายที่สุด คือการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้
การป้องกันโรคปอดอักเสบในผู้สูงอายุ
- ผู้สูงอายุควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ใช้ช้อนกลาง หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและไขมันสูง ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู่ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่
- ไม่สัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง และหลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
- ลดการอยู่ในสถานที่แออัดในช่วงที่มีไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ระบาด
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกปี เนื่องจากเชื้อโรคมีการกลายพันธุ์อยู่ตลอดเวลา ประสิทธิภาพของวัคซีนสามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ประมาณ 70-80% ควรฉีดก่อนหน้าฝนราวเดือนพฤษภาคม–มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่ไข้หวัดใหญ่ระบาด
- ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคปอดอักเสบส่วนใหญ่ คือ เชื้อเสตรปโตคอคคัส นิวโมนิเอ (Streptococcus pneumoniae) หรือเรียกสั้นๆ ว่า เชื้อนิวโมคอคคัส ซึ่งมีมากกว่า 90 สายพันธุ์ เป็นสาเหตุให้เกิดโรคติดเชื้อรุนแรงอื่นๆ อาทิ ภาวะติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมอง และติดเชื้อในกระแสเลือด โดยในปัจจุบันทางการแพทย์ได้พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีด้วยกัน 2 ชนิด คือ
- วัคซีนนิวโมคอคคัสแบบคอนจูเกต (Conjugated) หรือ PCV13 สามารถป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัสได้ 13 สายพันธุ์
- วัคซีนนิวโมคอคคัสแบบโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide ) หรือ PPSV23 ครอบคลุมเชื้อได้ 23 สายพันธุ์
ผู้สูงอายุที่อายุ 50 ปีขึ้นไป ควรฉีดวัคซีนทั้ง 2 ชนิดร่วมกัน โดยในผู้สูงอายุที่ไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบมาก่อน ควรฉีด PCV13 หนึ่งเข็มก่อน จากนั้นอีก 12 เดือนค่อยฉีด PPSV23 ส่วนผู้ที่เคยฉีดวัคซีน PPSV23 มาก่อนแล้ว สามารถฉีด PCV13 ตามภายหลังได้โดยต้องฉีดห่างกันอย่างน้อยหนึ่งปี ซึ่งหลังจากได้รับวัคซีนยังพบว่าวัคซีนสามารถครอบคลุมสายพันธุ์ของเชื้อที่ก่อโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสรุนแรงในผู้สูงอายุได้