เมื่อทำงานด้วยความมุ่งมั่นขยันหมั่นเพียรตลอดมา อยากให้ลองวาดภาพของตนเองหลังเกษียณจากการงานดูบ้าง ทุกคนล้วนใฝ่ฝันที่จะใช้ชีวิตสบาย ๆ มีเงินพอใช้จ่าย มีสุขภาพดี และมีเวลาว่างสำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นความสุขของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการอยู่บ้านกับลูกหลาน ดูแลสัตว์เลี้ยง ทำสวน ทำงานอดิเรกที่ชอบ เดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน พบปะสังสรรค์กับเพื่อนเก่า หรือทำงานช่วยเหลือสังคมตามที่กำลังและโอกาสเอื้ออำนวย
ก่อนวัยเกษียณท่านต้องวางแผนอย่างไรบ้าง เพื่อให้มีความสุข ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ การเงิน มีการวางแผนค่าใช้จ่าย ด้านอาหารและความเป็นอยู่ที่พักอาศัย การดูแลร่างกาย หรือคนดูแลในยามที่ไม่สบาย ท่านควรมี 4 ถุงขุมทรัพย์แบ่งไว้ตั้งแต่ท่านเริ่มทำงาน เมื่อถึงวัยเกษียณท่านจะได้นำมาใช้จ่ายแบบคล่องตัว และสบายใจ ไม่รู้สึกเป็นภาระของลูกหลานแถมยัง รู้สึกดีที่ตัวท่านเองมีการวางแผนไว้แล้วนะคะ
มาดูวิธีการวางแผนเกษียณดีๆ จาก ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยกันบ้างนะคะ
คุณอยากใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างไร ?
ความเชื่อ VS ข้อเท็จจริง
การใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีความสุข จำเป็นต้องมีเงินเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและสร้างความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ โดย
ไม่เป็นภาระของลูกหลาน
น่าเสียดายที่หลายคนยังเข้าใจผิดว่าการเตรียมความพร้อมสำหรับการเกษียณเป็นเรื่องของคนอายุมาก ใกล้เกษียณ ทั้งที่จริงแล้ว การเกษียณสุขต้องอาศัยการวางแผนล่วงหน้าในระยะยาวตั้งแต่เริ่มต้นทำงานเลยทีเดียว การวางแผนเมื่อใกล้เกษียณ นอกจาก
จะลำบากและต้องกดดันตัวเองมากกว่าการเตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว ยังอาจไม่ทันการณ์อีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณตั้งใจที่จะออมเงินให้ครบ 1 ล้านบาทสำหรับไว้ใช้หลังเกษียณ และสมมติว่าอัตราผลตอบแทนจาก
เงินออมและเงินลงทุนเฉลี่ยเท่ากับ 5% ต่อปี (เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์)
ถ้าคุณเริ่มออมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อายุ 31 ปี คุณออมเพียงปีละ 15,000 บาท (หรือเดือนละ 1,250 บาท) คุณจะมีเงินครบ
1 ล้านบาทเมื่ออายุ 60 ปี โดยเป็นเงินออม 450,000 บาท และที่เหลืออีกประมาณ 600,000 บาท เป็นการทำงานของดอกเบี้ย
แต่ถ้าคุณเริ่มออมเมื่ออายุ 51 ปี คุณต้องออมถึงปีละ 75,000 บาท (หรือเดือนละ 6,300 บาท) เพื่อให้มีเงินครบ 1 ล้านบาท
เมื่อเกษียณ โดยเป็นการทำงานของดอกเบี้ยเพียง 240,000 บาทเท่านั้น
4 รู้…สู่การเกษียณสุข
การวางแผนสู่การเกษียณอย่างมีความสุข เริ่มต้นจากประเมินสถานการณ์หลังเกษียณของตนเอง ดังนี้
01 รู้รายรับต่อเดือน แหล่งที่มา และความมั่นคงของรายรับ เช่น
ข้าราชการ จะได้รับบำเหน็จหรือบำนาญ และเงินจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
พนักงานบริษัทเอกชนจะได้รับเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนประกันสังคม
เงินออมที่ได้เก็บหอมรอมริบมาตลอดชีวิตการทำงาน บวกกับผลประโยชน์จากการนำเงินไปลงทุน
02 รู้รายจ่ายต่อเดือน เทียบกับรายรับที่คาดว่าจะได้รับ
ส่วนใหญ่แล้ว ค่าใช้จ่ายประจำหลังเกษียณมักจะลดลง ซึ่งประเมินกันว่า ค่าใช้จ่ายต่อเดือนหลังเกษียณจะประมาณ 70% – 80% ของค่าใช้จ่ายต่อเดือนก่อนเกษียณ เช่น หากก่อนเกษียณมีค่าใช้จ่ายต่อเดือน 30,000 บาท ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณจะประมาณ 21,000 – 24,000 บาท ทั้งนี้ ยังไม่รวมเงินเฟ้อ และค่ารักษาพยาบาลที่อาจเพิ่มขึ้นตามวัย
ดังนั้น การเริ่มต้นบันทึกรายรับ-รายจ่ายเสียตั้งแต่วันนี้ จะช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ได้ว่า ในปัจจุบัน มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนเท่าไหร่ และค่าใช้จ่ายรายการใดจะลดลงหรือหมดไป เมื่อเกษียณแล้ว
03 รู้หลักประกันความมั่นคงทางการเงิน
เช่น สวัสดิการที่เบิกได้ และความคุ้มครองของประกันสุขภาพ เพื่อเป็นหลักประกันว่าหากเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันจะไม่กระทบกับจำนวนเงินที่จำเป็นสำหรับใช้จ่ายประจำ หากตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ครอบคลุมเพียงพอ ควรพิจารณาออมหรือซื้อประกันเพิ่มเติม
04 รู้ปัจจัยที่อาจมีผลต่อรายรับ-รายจ่าย
อาทิ อัตราเงินเฟ้อ ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่อาจกระทบต่ออัตราดอกเบี้ย จำนวนปีที่คาดว่าจะมีชีวิตอยู่หลังเกษียณ ลูกหลานที่อาจนำพาความเดือดเนื้อร้อนใจมาให้ เป็นต้น
สูตรคำนวณเงินที่ต้องมีในวันเกษียณ
การประมาณจำนวนเงินที่ต้องมีเพื่อใช้จ่ายหลังเกษียณนั้น แบ่งออกเป็น 2 แนวคิด คือ
1. การใช้เงินออมสำหรับใช้จ่าย
2. การใช้ดอกผลของเงินออมและเงินลงทุนสำหรับใช้จ่าย
หรืออาจใช้ทั้ง 2 แนวคิดผสมกันก็ได้
แนวคิดที่ 1: นำเงินออมมาใช้จ่ายหลังเกษียณ
ยกตัวอย่างเช่น หากประเมินว่าหลังเกษียณจะใช้จ่ายเดือนละ 25,000 บาท และคาดว่าจะมีชีวิตอยู่จนอายุ 80 ปี ดังนั้น จำนวนเงินที่ต้องมี ณ วันเกษียณ
= 25,000 บาท x 12 เดือน x 20 ปีหลังเกษียณ
= 6,000,000 บาท
กรณีนี้จะเป็นการใช้เงินต้นให้หมดไปเรื่อย ๆ
แนวคิดที่ 2: นำดอกผลของเงินออมและเงินลงทุนมาใช้จ่ายหลังเกษียณ
ยกตัวอย่างเช่น หากประเมินว่าหลังเกษียณจะใช้จ่ายเดือนละ 25,000 บาท และคาดว่าอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของเงินออมและเงินลงทุนช่วงหลังเกษียณอยู่ที่ 6% ต่อปี ดังนั้น จำนวนเงินที่ต้องมี ณ วันเกษียณ
= (25,000 บาท x 12 เดือน) /6% ต่อปี
= 5,000,000 บาท
กรณีนี้ เงินต้นจะยังคงอยู่ให้ออกดอกออกผลต่อไป
การออม การลงทุน เพื่อการเกษียณสุข
ควรออม ก่อนใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน โดยออมเงินสำหรับการเกษียณให้ได้อย่างน้อย 10% ของรายได้ หากรายได้เพิ่มขึ้นก็ควรออมเพิ่มขึ้น และไม่ควรนำออกมาใช้จนกว่าจะเกษียณ
ควรแบ่งเงินออมเพื่อเกษียณบางส่วนไปลงทุน เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
การบริหารเงินหลังเกษียณ
เรามีข้อแนะนำสำหรับการบริหารเงินก้อนสุดท้ายของชีวิต ดังนี้
ควรคงเงินฝากในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ไว้ประมาณ 2 – 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน เพื่อให้มีสภาพคล่องสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเผื่อไว้สำหรับกรณีฉุกเฉิน
นำเงินบางส่วนไปแบ่งฝากประจำในระยะต่าง ๆ เช่น 3 เดือน 6 เดือนหรือ 1 ปี โดยเลือกให้มีระยะเวลาครบกำหนดเหลื่อมกัน จะเป็นการบริหารสภาพคล่องและเพิ่มผลตอบแทนให้มากกว่าเงินฝากออมทรัพย์
ควรนำเงินส่วนที่ยังไม่ได้ใช้ในระยะสั้นไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่แน่นอนในระยะปานกลาง-ยาวทางเลือกอื่น ๆ ในการลงทุน มีดังนี้
ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความเสี่ยงต่ำ-ปานกลาง เช่น สลากออมทรัพย์ กองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้ หุ้นกู้ของบริษัทเอกชนที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับที่น่าลงทุนดังนี้
สถาบันจัดอันดับเครดิตนานาชาติ | สถาบันจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ | |||
Moody’s | S & P | Fitch | TRIS | Fitch (Thailand) |
Baa3 ขึ้นไป | BBB – ขึ้นไป | BBB – ขึ้นไป | BBB – ขึ้นไป | BBB – (Tha) ขึ้นไป |
สำหรับผู้ที่มีความชำนาญในการลงทุนและยอมรับความเสี่ยงได้ อาจแบ่งเงินบางส่วน (สูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินออมและเงินลงทุนทั้งหมด) ไปลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินหรือสินทรัพย์ที่เปิดโอกาสรับผลตอบแทนสูงขึ้น แต่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เช่น หุ้น และทองคำ เป็นต้น
ควรติดตามข่าวสารและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่อาจมีผลกระทบต่อผลตอบแทนของเงินออมและเงินลงทุนของคุณอย่างสม่ำเสมอ ทั้งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ
การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และนวัตกรรมทางการเงิน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และนวัตกรรมทางการเงิน รวมถึงภัยทางการเงิน ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อปกป้องเงินทองของตนเองที่อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบมาตลอดให้พ้นจากมิจฉาชีพด้วย
ควรมีวินัยในการใช้จ่ายเพื่อให้มีเงินเพียงพอจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 5 ปีแรกของการเกษียณ ยังไม่ควรใช้จ่ายเกินกว่าอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่ได้รับ
ที่สำคัญ ต้องวางแผนมรดกด้วย เพื่อให้การส่งต่อทรัพย์สินสู่คนรุ่นถัดไปเป็นไปอย่างเรียบร้อยและตรงตามเจตนารมณ์ของคุณ อย่าให้ทรัพย์สินกลายเป็นสาเหตุให้ลูกหลานต้องหมางใจกัน โดยคุณต้องสำรวจและรวบรวมว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้าง แต่ละอย่างมูลค่าเท่าใด คุณต้องการให้แบ่งทรัพย์สินระหว่างทายาทอย่างไร ต้องการยกทรัพย์สินใดให้ผู้ใด นอกจากนี้ ต้องพยายามสะสางหนี้สิน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อกองมรดกที่ตั้งใจจะเก็บไว้ให้ลูกหลานด้วย
เรื่องที่น่าสนใจ
✨✨ฝากคนที่คุณรักไว้กับ ไอ เฮลท์ เนอร์ส แคร์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ย่านศรีนครินทร์ ให้ดูแแทนนะคะ❤️
iHealth Nurse Care บริการด้วยใจ อบอุ่นเหมือนคนในครอบครัว ❤️
เปิดบริการทุกวัน 8.00-17.00 น.
Facebook: iHealth Nurse Care
Line: @ihealth-nurse-care
Email: info@ihealthnursecare.com, ihealthnursecare@gmail.com
📍พิกัด https://goo.gl/maps/tuYdgZFiPg3LQ9iN9
ไอเฮลท์เนอร์สแคร์ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ย่านศรีนครินทร์
ให้บริการด้วยใจดูแลคนที่คุณรักเหมือนคนในครอบครัว
หากสนใจสามารถนัดหมายเพื่อชมสถานที่ หรือ สอบถามรายละเอียดได้
ปรึกษาเจ้าหน้าที่ไม่มีค่าใช้จ่าย
ทางเรายินดีให้บริการค่ะ
- 020-005392
- 091-095-7680
- 090-978-9613